สังคมไทยเรานั้น เป็นสังคมที่พระพุทธศาสนามีอิทธิพลต่อหลายสิ่งหลายอย่าง อาทิ ความเชื่อ ศิลปะ วัฒนธรรม ฯลฯ ซึ่งความเชื่อที่มีผลต่อสังคมไทยอย่างมากก็มีหลายหลากความเชื่อ หนึ่งในนั้นคือเรื่องของ “กรรม”
คำว่ากรรมนั้นก็คือการกระทำ
มีทั้งกรรมดี กรรมชั่ว และเราก็มักจะได้ยินสำนวนที่ว่า “ถ้าทำดีก็จะได้ดี
ทำชั่วก็ได้ชั่ว” หรือสุภาษิตไทยที่ว่า “รักดีหามจั่ว
รักชั่วหามเสา” นั้นก็คือความหมายเดียวกัน หรือบางทีอาจจะได้ยินสำนวนที่ว่า “กงเกวียนกำเกวียน”
สำหรับสำนวนนี้มีการใช้ที่ผิดมากมาย
แต่ที่ถูกก็คือ กงเกวียนกำเกวียน ซึ่งความหมายก็คือ ทําแก่เขาอย่างไร
ตนหรือลูกหลานเป็นต้นของตนก็อาจจะถูกทำในทำนองเดียวกันอย่างนั้นบ้าง
ซึ่งความเชื่อนี้ก็ถือว่าเป็นความเชื่อที่ทำให้คนเกรงกลัวต่อการทำชั่ว
และยังมีความเชื่อที่ทำให้คนเกรงกลัวต่อบาป การทำชั่วอีกก็จะไปตรงกับความเชื่อเรื่อง
“กฎแห่งกรรม” และ “นรก-สวรรค์” นั้นเอง
ดังนั้นผู้เขียนจึงอยากจะเขียนบทความที่เกี่ยวกับเรื่องของเวรกรรมในสามก๊ก มาลองเปรียบเทียบกันดู โดยจะยึดเอาเนื้อหาของวรรณกรรมเป็นที่ตั้ง ดังนั้นหากข้อมูลวรรณกรรมกับประวัติศาสตร์ไม่ตรงกันก็ขอให้เข้าใจ นำตัวอย่างมาเพื่อเปรียบเทียบ หรือให้ได้เห็นเท่านั้นเอง อย่างไรก็ดี เรื่องที่จะนำมา อาจจะไม่เกี่ยวกับเวรกรรมก็ได้ แต่ผู้เขียนก็จะขอนำมาเพื่อให้เห็นว่า ทำอย่างไร ได้อย่างนั้นจริง ๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใด หรือทำให้ท่านผู้อ่านไม่พอใจก็ขออภัยอย่างสูงครับ คิดซะว่าอ่านเล่น ๆ ก็ยังได้
ขอเริ่มแรกด้วยเรื่องราวของกวนอู สุดยอดทหารเสือแห่งจ๊กก๊ก ผู้เป็นน้องร่วมสาบานกับเล่าปี่ในสวนท้อ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ มีหลายชีวิตที่ต้องคมง้าวของกวนอูจนถึงแก่ความตาย เช่น ฮัวหยง นายด่านที่กวนอูฝ่าเมืองครั้งเหตุการณ์ “กวนอูฝ่า 5 ด่าน ฆ่า 6 ขุนพล” ฯลฯ ซึ่งในท้ายที่สุดกวนอูก็ถูกตัดสินประหารชีวิต กลายเป็นผีหัวขาด แม้เขาจะตายกลายเป็นผีไปแล้ว เขาก็ยังมาราวี ขอหัวตัวเองคืน ซึ่งในคืนหนึ่งผีกวนอูได้มาโหยหวนขอหัวตัวเองคืน ก็มีหลวงจีนท่านหนึ่ง นามว่าเภาเจ๋งซึ่งได้ยินเข้า จึงไปเตือนสติผีกวนอูว่า กวนอูเคยฆ่าขุนพล ตัดหัวคนมามากมาย เขาเคยมาทวงคืนมั้ย ดังนั้นในเมื่อกวนอูตายแล้ว ก็ควรจะไปที่ชอบที่ชอบ ในเมื่ออดีตกวนอูฆ่าคนมามาก แล้วตัวเองก็ถูกประหารชีวิตนั้นก็อาจจะเป็นกรรมตามสนองก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องนี้นั้นมีขุนพลหลายท่านที่ฆ่าเขา เขาฆ่าเราก็มีมากมาย หาใช่กวนอูเพียงคนเดียว แต่ที่มีเรื่องเด่นชัด และมีคำสอนก็เห็นจะเป็นเรื่องราวของกวนอูนี่เอง
ดังนั้นผู้เขียนจึงอยากจะเขียนบทความที่เกี่ยวกับเรื่องของเวรกรรมในสามก๊ก มาลองเปรียบเทียบกันดู โดยจะยึดเอาเนื้อหาของวรรณกรรมเป็นที่ตั้ง ดังนั้นหากข้อมูลวรรณกรรมกับประวัติศาสตร์ไม่ตรงกันก็ขอให้เข้าใจ นำตัวอย่างมาเพื่อเปรียบเทียบ หรือให้ได้เห็นเท่านั้นเอง อย่างไรก็ดี เรื่องที่จะนำมา อาจจะไม่เกี่ยวกับเวรกรรมก็ได้ แต่ผู้เขียนก็จะขอนำมาเพื่อให้เห็นว่า ทำอย่างไร ได้อย่างนั้นจริง ๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใด หรือทำให้ท่านผู้อ่านไม่พอใจก็ขออภัยอย่างสูงครับ คิดซะว่าอ่านเล่น ๆ ก็ยังได้
ขอเริ่มแรกด้วยเรื่องราวของกวนอู สุดยอดทหารเสือแห่งจ๊กก๊ก ผู้เป็นน้องร่วมสาบานกับเล่าปี่ในสวนท้อ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ มีหลายชีวิตที่ต้องคมง้าวของกวนอูจนถึงแก่ความตาย เช่น ฮัวหยง นายด่านที่กวนอูฝ่าเมืองครั้งเหตุการณ์ “กวนอูฝ่า 5 ด่าน ฆ่า 6 ขุนพล” ฯลฯ ซึ่งในท้ายที่สุดกวนอูก็ถูกตัดสินประหารชีวิต กลายเป็นผีหัวขาด แม้เขาจะตายกลายเป็นผีไปแล้ว เขาก็ยังมาราวี ขอหัวตัวเองคืน ซึ่งในคืนหนึ่งผีกวนอูได้มาโหยหวนขอหัวตัวเองคืน ก็มีหลวงจีนท่านหนึ่ง นามว่าเภาเจ๋งซึ่งได้ยินเข้า จึงไปเตือนสติผีกวนอูว่า กวนอูเคยฆ่าขุนพล ตัดหัวคนมามากมาย เขาเคยมาทวงคืนมั้ย ดังนั้นในเมื่อกวนอูตายแล้ว ก็ควรจะไปที่ชอบที่ชอบ ในเมื่ออดีตกวนอูฆ่าคนมามาก แล้วตัวเองก็ถูกประหารชีวิตนั้นก็อาจจะเป็นกรรมตามสนองก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องนี้นั้นมีขุนพลหลายท่านที่ฆ่าเขา เขาฆ่าเราก็มีมากมาย หาใช่กวนอูเพียงคนเดียว แต่ที่มีเรื่องเด่นชัด และมีคำสอนก็เห็นจะเป็นเรื่องราวของกวนอูนี่เอง
![]() |
หลวงจีนเภาเจ๋งพบวิญญานกวนอู |
ขอต่อด้วยเรื่องของขงเบ้ง
ยอดกุนซือสมองเพชรแห่งจ๊กก๊ก ซึ่งเคยปั่นหัวจิวยี่จนกระทั่งจิวยี่พิษเก่ากำเริบต้องกระอักเลือด
และตายไปในที่สุด ซึ่งเมื่อขงเบ้งเริ่มแก่ตัวลง โรคร้ายก็มารุมเร้า
อีกทั้งงานก็หนักด้วยฮ่องเต้ที่ไม่เอาไหนอย่าง “อาเต๊า”
จึงต้องทำงานหนัก
สุขภาพเสื่อมโทรมจนกระทั่งกระอักเลือด และตายไปในที่สุด ซึ่งการกระอักเลือดครั้งนี้
อาจเป็นเวรกรรมที่เคยทำกับจิวยี่ไว้ก็เป็นได้
![]() |
ขงเบ้งและจิวยี่จาก Red Cliff |
มาถึงเรื่องที่สาม ขอกล่าวถึงเรื่องของลิโป้ ซึ่งเป็นสุดยอดนักรบ
ยอดขุนพลผู้มีฝีมือระดับ “เทพเจ้าแห่งสงคราม” ซึ่งก็รู้กันอยู่ว่าลิโป้มีด้านร้ายคือ
“โลภ” “เลว” “บ้าผู้หญิง”
“อกตัญญู” ฯลฯ ซึ่งนิสัยที่จะบอกคือเรื่องของการเนรคุณต่อผู้มีคุณ
ลิโป้นั้นเป็นคนที่มีฝีมือสูงส่งมาก
แต่นิสัยเขานั้นกลับเป็นนิสัยที่ไม่น่าคบเอาเสียเลย
กล่าวคือลิโป้นั้นได้รับการอุปการคุณจากเตงหงวน ในฐานะ “พ่อ-ลูกบุญธรรม”
ผู้เป็นขุนนางตงฉินในราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ซึ่งต่อมาเขาก็ “ทรยศ” เตงหงวน
เนื่องจากตั๋งโต๊ะอยากได้ตัว โดยการนำของมีค่า พร้อมม้าอาชาไนย ตัวใหญ่ผิวแดง
หรือที่ในภาษาจีนเรียกว่า “เซ็กเธาว์” ซึ่ง “เซ็ก” แปลว่า “แดง” และ “เธาว์” แปลว่า “กระต่าย”
ก็คือม้ากระต่ายแดงนั้นเอง
ซึ่งเปรียบเทียบว่า มีความปราดเปรียวเช่นกระต่าย และมีผิวสีออกแดง
และเมื่อลิโป้เห็นทรัพย์สมบัติพัสถานก็โลภขึ้นมา จึงได้ทำการปิตุฆาต
สังหารผู้ที่ตนเรียกว่า “พ่อ” เมื่อได้มาอยู่กับตั๋งโต๊ะ
ซึ่งเป็นทรราชคนหนึ่งและได้เป็นบุตรบุญธรรมของตั๋งโต๊ะอีก
จึงมีคนอยากจะกำจัดให้สิ้นซาก ด้วยการใช้อุบายโดยให้เตียวเสี้ยนเป็นผู้เสี้ยมให้สองคนขาดกัน
และสุดท้ายลิโป้ก็รักเตียวเสี้ยน จึงได้ฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย
สุดท้ายในช่วงบั้นปลายของลิโป้ เขาก็ถูกลูกน้องของเขาทรยศ
ด้วยการจับลิโป้มัดเอาไว้ แล้วเปิดประตูเมืองให้โจโฉ ทำให้ลิโป้แพ้ต่อโจโฉ
และถูกประหารในที่สุด
![]() |
ลิโป้ถูกจับ |
มาถึงเรื่องที่สี่ ขอกล่าวถึงเรื่องตั๋งโต๊ะ
ซึ่งถูกสาปแช่งทั้งสิบทิศ ดังที่ท่านยาขอบว่า
เรื่องราวของเขามีแต่ความโฉดชั่วที่กระทำต่อบ้านเมือง
เขาคือนักเผด็จการตัวยงเลยก็ยังว่าได้
เขาทำให้บ้านเมืองเสียหายย่อยยับหลายหลากมากประการ เช่น เผาเมืองราชธานีเดิม
สับเปลี่ยนตั้งฮ่องเต้ตามความต้องการของตน ฯลฯ
ซึ่งในท้ายที่สุดการตายของเขาก็เป็นการตายที่น่าสมเพชเป็นที่สุด ทั้งถูกลิโป้
บุตรสุดที่รักฆ่า เมื่อตายไปแล้วซากศพก็ยังหาที่ฝังไม่ได้ กล่าวคือ
มีลูกน้องที่รักตั๋งโต๊ะก็พยายามจะนำศพตั๋งโต๊ะไปทำตามประเพณี นำไปฝัง ก็ฝังไม่ได้
ฟ้าผ่าลงมาใส่ศพ จนกระทั่งศพเละเทะ แม้แต่ฝังยังฝังมิได้เลย
ก็อาจเป็นเพราะเวรกรรมที่เขาทำไว้กับบ้านเมืองได้มากขึ้น
มาถึงเรื่องที่ห้า ขอกล่าวถึงเรื่องของตระกูลโจ
ซึ่งได้กระทำต่อฮ่องเต้ของราชวงศ์ฮั่นเอาไว้ กล่าวคือ โจโฉนั้นเมื่อยังมีชีวิตอยู่
และเถลิงอำนาจ แรก ๆ เขานั้นกดขี่ข่มเหงฮ่องเต้อย่างมาก
แต่ก็ไม่ได้ทำถึงขั้นตั๋งโต๊ะ พกดาบ ไม่ถอดรองเท้า
เดินเข้าท้องพระโรงอย่างไม่เกรงใจใคร แต่เขาก็ยังจงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น
ไม่ได้โค่นล้มราชวงศ์ ทั้งยังปกป้องฮ่องเต้อีกด้วย
แต่กระนั้นอำนาจการปกครองที่แท้จริงไม่ใช่ฮ่องเต้ หากแต่เป็นโจโฉต่างหาก
ฮ่องเต้ก็เป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้นเอง เมื่อโจโฉเสียชีวิตลงไป โจผีก็ขึ้นแทน
ซึ่งโจผีนั้นก็ได้ทำการล้มล้างราชวงศ์ฮั่น ปลดฮ่องเต้
และสถาปนาตนเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์วุย ซึ่งเมื่อโจผีตายไป โจยอยก็ขึ้นแทน
เมื่อโจยอยตาย โจฮองก็ขึ้นแทน ซึ่งในยุคของโจฮองนี้เอง ราชวงศ์วุยก็ถูกกระทำเหมือนที่โจโฉและโจผีเคยทำกับฮ่องเต้ราชวงศ์ฮั่นเอาไว้
กล่าวคือ โจฮองกลายเป็นหุ่นเชิด
โดยผู้ที่เป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงก็คือบรรดาคนในตระกูลสุมา ซึ่งในท้ายที่สุด
ในยุคของโจฮวนก็ถูกสุมาเอี๋ยนโค่นราชบัลลังก์ ราชวงศ์วุยล่มสลายไป ซึ่งเหมือนกับที่ตระกูลโจ
ทำกับราชวงศ์ฮั่นไว้ “เปะ"David Ballโอกาสนี้ขอทิ้งไว้เพียงนี้ก่อน ไว้โอกาสหน้าจะมาเขียนบทความให้ท่านได้อ่านอีก หากท่านคิดได้อีก ขอเชิญบอกมาได้เลยนะครับ
4 พฤษภาคม 57
เก่งแค่ไหน เทพแค่ไหน ก็หนีบ่วงกรรมไม่พ้น
ตอบลบ